
ความปลอดภัยในไซต์งานก่อสร้างเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้รับเหมาและบริษัทก่อสร้างไม่สามารถมองข้ามได้ และเมื่อพูดถึงเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการประเมินและจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ “JSA งานก่อสร้าง” ก็ถือเป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจกันว่า JSA งานก่อสร้างคืออะไร ตั้งแต่ความเข้าใจพื้นฐาน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนการปฏิบัติ จนถึงการเลือกใช้อุปกรณ์และวัสดุที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผู้รับเหมาสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพได้อย่างแท้จริง
JSA งานก่อสร้างคืออะไร? และทำไมจึงจำเป็น
Job Safety Analysis หรือ JSA เป็นกระบวนการศึกษาและวิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานแต่ละประเภท หรือในที่นี้คือ JSA งานก่อสร้าง โดยการแบ่งงานต่างๆ ออกเป็นขั้นตอนย่อยๆ จากนั้นจึงวิเคราะห์และระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอน และกำหนดมาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อป้องกันหรือควบคุมสิ่งที่อาจเกิดขึ้น กระบวนการ JSA งานก่อสร้างนี้แตกต่างจากการประเมินความเสี่ยงทั่วไป เนื่องจากมีการใส่ใจในรายละเอียดของการปฏิบัติงานจริง ไม่ว่าจะเป็น
- งานโครงสร้าง: ความเสี่ยงจากการทำงานในที่สูง การใช้เครื่องจักรหนัก และการยกของหนัก
- งานระบบไฟฟ้า: ความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร การระเบิด และไฟไหม้
- งานขุดเจาะ: ความเสี่ยงจากการถล่มของดิน การชนของท่อสาธารณูปโภค และการเกิดแก๊สพิษ
ความสำคัญของการทำ JSA งานก่อสร้าง
ความสำคัญของการทำ JSA งานก่อสร้างในโครงการต่างๆ นั้น นอกจากจะช่วยปกป้องความปลอดภัยของลูกจ้างและแรงงานแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการชดเชยค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล และการหยุดชะงักของงานจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้
สำหรับโครงการที่มีการจัดตั้งแคมป์ก่อสร้าง การทำ JSA ก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากต้องคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งในพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักอาศัยของคนงาน การประเมินความเสี่ยงต้องครอบคลุมตั้งแต่กิจกรรมการก่อสร้าง การใช้ชีวิตประจำวัน จนถึงการเดินทางภายในแคมป์ ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการวางแผนอย่างรอบคอบสำหรับการทำ JSA งานก่อสร้าง
ในปัจจุบัน บริษัทก่อสร้างชั้นนำต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบ JSA งานก่อสร้างที่สามารถปรับใช้กับลักษณะงานที่หลากหลาย ตั้งแต่งานโครงสร้าง งานตกแต่ง ต่อเติม งานระบบสาธารณูปโภค จนถึงงานบำรุงรักษา ซึ่งแต่ละประเภทงานมีความเสี่ยงและข้อกำหนดที่แตกต่างกัน ทำให้ JSA งานก่อสร้างที่ดี จะต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับแก้ไขได้ตามสถานการณ์จริง
กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับความปลอดภัยในงานก่อสร้าง
ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อกฎหมายใดๆ ในประเทศไทยที่ระบุถึงการทำ JSA งานก่อสร้างโดยตรง แต่ก็มีกฎหมายก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง เช่น “พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554” กำหนดให้นายจ้างต้องจัดให้มีการประเมินความเสี่ยงในการทำงาน และจัดทำมาตรการป้องกันที่เหมาะสม ทำให้ JSA งานก่อสร้างมีความสำคัญในฐานะเครื่องมือที่ผู้รับเหมาและบริษัทก่อสร้างสามารถนำมาใช้เป็นมาตรการป้องกันและบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ
สำหรับคำถามที่ผู้รับเหมามักพบคือ ก่อสร้างแบบไหนไม่ต้องขออนุญาตบ้างนั้น แม้งานก่อสร้างบางประเภทจะไม่ต้องขออนุญาตก่อสร้างจากหน่วยงานราชการตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยอย่างเคร่งครัด และการจัดทำ JSA งานก่อสร้างยังคงเป็นแนวทางที่แนะนำสำหรับการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย
ความรับผิดชอบของผู้รับเหมาในการปฏิบัติตามกฎหมายก่อสร้าง มีขอบเขตที่กว้างขวาง ตั้งแต่การจัดให้มีระบบป้องกันการตกที่เหมาะสม การฝึกอบรมพนักงาน การติดตามประเมินผล จนถึงการรายงานเหตุการณ์อันตราย กฎหมายยังกำหนดข้อห้ามเฉพาะสำหรับแรงงานหญิง เช่น ห้ามให้ผู้หญิงปฏิบัติงานบนนั่งร้านที่สูงกว่าพื้นดินตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป และสำหรับงานในที่สูงตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป ต้องมีการติดตั้งราวกันตกหรือรั้วกันตกนิรภัยและการใช้เข็มขัดนิรภัยอย่างเคร่งครัด หรือการติดตั้งตาข่ายนิรภัยในกรณีที่ไม่สามารถจัดให้มีราวกันตกได้
แม้จะไม่ใช่ข้อบังคับทางกฎหมายโดยตรง แต่การจัดทำ JSA งานก่อสร้างก็เป็นแนวทางที่ช่วยให้ผู้รับเหมาสามารถปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้แน่ใจว่ามีการระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนการทำงานบนที่สูงอย่างครบถ้วน มีการกำหนดมาตรการป้องกันที่เหมาะสมและเพียงพอ และผู้ปฏิบัติงานเข้าใจขั้นตอนการทำงานที่ปลอดภัยอย่างชัดเจนก่อนเริ่มงานจริง
ขั้นตอนการจัดทำ JSA งานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดทำ JSA งานก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพมี 4 ขั้นตอนสำคัญ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: เลือกงานที่ต้องวิเคราะห์
เริ่มต้นด้วยการเลือกงานที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยพิจารณาจากประวัติการเกิดอุบัติเหตุ ความซับซ้อนของงาน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การเลือกงานที่เหมาะสมจะช่วยให้การจัดทำ JSA งานก่อสร้างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยได้อย่างแท้จริง
ขั้นตอนที่ 2: แยกขั้นตอนการทำงานออกเป็นข้อย่อยต่างๆ
ระบุทุกขั้นตอนการทำงาน เช่น การเตรียมเครื่องมือ การยกของ การติดตั้ง การตรวจสอบ เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงในแต่ละขั้นตอน โดยทั่วไปจะมีการแยกย่อยออกมาประมาณ 5-10 ขั้นตอน เนื่องจากการแบ่งที่ละเอียดเกินไปจะทำให้เอกสาร JSA ซับซ้อน แต่การแบ่งที่หยาบเกินไปจะทำให้พลาดความเสี่ยงสำคัญได้เช่นกัน
ขั้นตอนที่ 3: วิเคราะห์ความเสี่ยงในแต่ละขั้นตอน
ระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียด หากพลาดขั้นตอนนี้ไป อันตรายต่างๆ ก็อาจยังคงแฝงอยู่ในงาน โดยพิจารณาทั้งอันตรายที่เกิดจากลักษณะงาน สภาพแวดล้อม อุปกรณ์ที่ใช้ วัสดุก่อสร้าง และปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ การจราจร หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง
ขั้นตอนที่ 4: หาแนวทางป้องกัน
นำข้อมูลจากการวิเคราะห์ในขั้นตอนที่ 3 มาหาแนวทางลดหรือป้องกันความเสี่ยง เช่น การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หรือการปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน และการกำหนดมาตรการป้องกันต่างๆ ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อการทำงาน ความคุ้มค่า และความรวดเร็วในการแก้ไขจัดการปัญหา
ผู้ที่ควรทำ JSA งานก่อสร้างมีใครบ้าง
หลายคนอาจคิดว่าการทำ JSA งานก่อสร้าง เป็นหน้าที่ของหัวหน้างานหรือเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในโครงการเท่านั้น แต่ในความจริงแล้ว การทำ JSA งานก่อสร้างควรได้รับความร่วมมือจากผู้ปฏิบัติงานหลายๆ ฝ่าย เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของความปลอดภัย โดยผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำ JSA งานก่อสร้างสามารถแบ่งได้ดังนี้
- หัวหน้างาน: ควบคุมดูแลกระบวนการทำงานทั้งหมดและเข้าใจวิธีการทำงานในหน้างาน มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในอดีต
- เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.): ร่วมวิเคราะห์และกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ ควรมีความรู้ทางด้านกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสม
- ผู้ปฏิบัติงาน: ผู้ที่เข้าใจปัญหาและความเสี่ยงในหน้างานมากที่สุด สามารถให้ข้อมูลการทำงานจริงและปัญหาที่พบในทางปฏิบัติจริง
วัสดุและอุปกรณ์ความปลอดภัยที่เชื่อมโยงกับ JSA
การประเมินวัสดุใน JSA เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะต้องพิจารณาทั้งคุณภาพ มาตรฐาน และความเหมาะสมกับการใช้งาน เพราะการใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐานมักพบปัญหาด้านความปลอดภัยมากกว่าโครงการที่ใช้วัสดุที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม อันตรายเหล่านี้สามารถขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ชนิดของวัสดุที่นำมาใช้ สภาพแวดล้อมในการใช้งาน และมาตรการควบคุมคุณภาพ การประเมินความเสี่ยง JSA งานก่อสร้างจากการใช้วัสดุจึงต้องทำอย่างละเอียด รวมถึงการทดสอบและการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานให้เข้าใจวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง
การเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ แต่ยังช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาวอีกด้วย
นั่งร้าน BS Standard กับ JSA งานก่อสร้าง
สำหรับนั่งร้าน BS Standard ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ตอบโจทย์การก่อสร้างและงานดูแลรักษาที่หลากหลาย ก็มีข้อกำหนดใน JSA การก่อสร้างที่ต้องปฏิบัติตามหลายประการ ได้แก่
- การออกแบบโครงสร้าง: ต้องเป็นไปตามหลักวิศวกรรมและได้รับการรับรองจากวิศวกร
- การคำนวณน้ำหนักที่รับได้: ระบุน้ำหนักสูงสุดที่สามารถรองรับได้อย่างปลอดภัย ทั้งจากผู้ปฏิบัติงาน และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ
- การติดตั้งระบบป้องกันการตก: มีการติดตั้งราวกันตก ทั้งราวด้านบน ราวกลาง และแผ่นกั้นเท้าอย่างครบถ้วน
- การตรวจสอบสภาพเป็นประจำ: ตรวจสอบตามกำหนดเวลาและบันทึกผล
และสำหรับนั่งร้าน BS Standard มือสอง การวิเคราะห์ความเสี่ยง JSA งานก่อสร้างจึงต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ตั้งแต่
- ประวัติการใช้งาน: รายละเอียดการใช้งานในอดีตและความถี่ในการใช้
- อายุการใช้งาน: ระยะเวลาที่ใช้งานมาแล้วเปรียบเทียบกับอายุการใช้งานที่แนะนำ
- สภาพโครงสร้าง: การตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้างหลักและส่วนประกอบ
- ผลการทดสอบความแข็งแรง: การทดสอบการรับน้ำหนักและแรงกระแทกตามมาตรฐาน
และนั่งร้านทุกชุดต้องมีป้ายแสดงน้ำหนักที่รับได้สูงสุด วันที่ติดตั้ง และวันที่ตรวจสอบล่าสุด
การใช้นั่งร้าน BS Standard มือสอง แม้จะช่วยลดต้นทุนได้ไม่น้อย แต่ก็ต้องมั่นใจว่านั่งร้านที่ติดตั้งจะสามารถรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ตามมาตรฐานและการใช้งาน
อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล กับ JSA งานก่อสร้าง
การระบุอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ที่จำเป็นในแต่ละขั้นตอนงานตาม JSA งานก่อสร้างนั้น จะต้องมีความเฉพาะเจาะจงและเหมาะสมกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ตั้งแต่
- ชนิดของอุปกรณ์: จะต้องระบุอย่างชัดเจน เช่น เข็มขัดนิรภัยแบบเต็มตัว
- มาตรฐานที่ต้องการ: มาตรฐานสากลต่างๆ เช่น CE, ANSI, หรือ TIS
- วิธีการใช้งาน: ขั้นตอนการสวมใส่ที่ถูกต้องและวิธีการปรับแต่ง
- การบำรุงรักษา: วิธีการทำความสะอาด กำหนดเวลาตรวจสอบสภาพ และเกณฑ์การเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่
การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัยตามกำหนดเวลาเป็นส่วนสำคัญของ JSA ที่มักถูกมองข้าม อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องอาจเสื่อมสภาพและไม่สามารถปกป้องผู้ใช้งานได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน การบูรณาการข้อกำหนด PPE เข้ากับระบบ JSA อย่างมีประสิทธิภาพต้องมีการฝึกอบรม การตรวจสอบการใช้งาน และการปรับปรุงอุปกรณ์ให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง
การจัดทำ JSA งานก่อสร้างถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการ การนำ JSA มาใช้อย่างจริงจังแม้จะไม่ใช่ข้อบังคับทางกฎหมายโดยตรง แต่เป็นแนวทางที่ดีที่ช่วยให้ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยได้อย่างเป็นระบบ และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวทั้งในด้านการลดค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุ การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับองค์กรได้ไม่น้อย
การปฏิบัติตาม JSA งานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน โดยเฉพาะนั่งร้านและอุปกรณ์ความปลอดภัยที่เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานในที่สูง การเลือกใช้อุปกรณ์จากผู้ให้บริการซื้อและเช่านั่งร้าน BS ที่น่าเชื่อถือ พร้อมทีมงานมืออาชีพสำหรับการรับติดตั้งนั่งร้าน BS ตามมาตรฐานความปลอดภัย จะช่วยให้การดำเนินงานตาม JSA บรรลุเป้าหมายในการป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างแท้จริง

SC SCAFFOLDING&EQUIPMENT ท่อและอุปกรณ์นั่งร้าน BS STANDARD ครบจบในที่นี่ที่เดียว
บริษัท เอสซี สแคฟโฟลดิ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายท่อและอุปกรณ์นั่งร้าน BS STANDARD ทั้งมือ 1 และเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์นั่งร้านมือ 2 รายใหญ่ในประเทศไทย การันตีคุณภาพทุกชิ้น พร้อมใบเซอร์จากโรงงาน นอกจากนี้ยังมีบริการให้เช่านั่งร้าน BS และรับซื้อคืนนั่งร้าน BS พร้อมกับรับติดตั้งนั่งร้าน BS และออกแบบ โดยมีทีมงานมืออาชีพพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด
ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
โทร: 0854467877, 021257199
Line: @thitimark
อีเมล: sc.scaffolding29@gmail.com
เปิดทำการทุกวัน 7:00-17:00 น.