รวมเคล็ดลับและขั้นตอนการทาสีบ้าน ทาอย่างไรให้สวยงามทั้งหลัง

รวมเคล็ดลับและขั้นตอนการทาสีบ้าน ทาอย่างไรให้สวยงามทั้งหลัง 02

ในการก่อสร้างหรือต่อเติมบ้านนั้น การทาสีบ้านถือเป็นขั้นตอนสำคัญในช่วงท้าย เพราะนอกจากจะเป็นขั้นตอนที่จะทำให้บ้านของเรามีสีสันสวยงาม สะท้อนบุคลิกของเจ้าของบ้านได้ตามที่หวังแล้ว การเลือกสีที่ใช่ และการทาสีบ้านที่เหมาะสมยังช่วยให้สีบ้านติดทนทาน ไม่แตกลอกง่ายอีกด้วย

ในบทความนี้ เราจะพาไปดูเคล็ดลับและขั้นตอนการทาสีบ้านทั้งภายในและภายนอก ตั้งแต่วิธีการเลือกสีที่ใช่ อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมี และการทาสีบ้านเบื้องต้น เพื่อให้บ้านดูสวยงาม สีติดทนไปอีกนาน

สิ่งที่ต้องคำนึงก่อนทาสีบ้าน

ก่อนที่จะเริ่มทาสีบ้านนั้น ควรมีการวางแผน และพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้ก่อนที่จะเริ่มงาน เพื่อที่คุณจะสามารถทาสีบ้านได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามสถานการณ์ โดยสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนทาสีบ้าน มีดังนี้

บริเวณที่ต้องการทาสี (ห้อง กำแพง รั้ว ภายนอก ใน)

การวางแผนก่อนทาสีบ้าน ควรเริ่มจากการกำหนดบริเวณที่ต้องการทาสีให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ หรือบริเวณภายนอกบ้าน เพราะแต่ละพื้นที่จะมีการทาสีที่แตกต่างกัน เช่น ห้องครัวต้องใช้สีที่ทำความสะอาดง่าย ห้องนอนควรใช้สีที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ส่วนภายนอกบ้านอาจจำเป็นต้องเลือกสีที่ทนต่อสภาพอากาศ เป็นต้น

และการกำหนดขอบเขตการทำงานจะช่วยให้คุณวางแผนการซื้ออุปกรณ์ได้อย่างครบครัน เช่น การคำนวณสีทาบ้าน 1 ถัง ทาได้กี่ตารางเมตร อุปกรณ์ที่ต้องใช้ ค่าจ้างช่างและประเมินค่าทาสีบ้าน ราคาที่ต้องจ่ายได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

ตรวจสอบพื้นผิวที่ต้องการทาสี

การตรวจสอบพื้นผิวของกำแพงและผนังต่างๆ ก็เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะส่งผลต่อคุณภาพงานโดยตรง โดยก่อนจะทาสีบ้าน ควรตรวจสอบว่าพื้นผิวที่จะทามีความเรียบเนียนหรือไม่ มีรอยแตกร้าว รอยขีดข่วน หรือสีเก่าที่หลุดลอกหรือไม่ หากพบปัญหาดังกล่าว ควรต้องทำการซ่อมแซมแก้ไข ปิดรอยแตกก่อนที่จะเริ่มทาสี

ส่วนผนังเก่าที่มีสีเดิมอยู่แล้ว ควรขูดลอกสีเก่าออกให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเริ่มทาสีบ้านใหม่ เพื่อให้สีใหม่ยึดเกาะได้ดีและมีความทนทาน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบระดับความชื้นของผนัง โดยเฉพาะผนังใหม่ที่อาจยังมีความชื้นสูง ที่อาจทำให้สีไม่ติดทนเท่าที่ควร และการเลือกสีทาบ้านตามประเภทของพื้นผิวนั้นๆ ด้วย

เลือกใช้สีให้เหมาะสม

การเลือกสีที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้งานทาสีบ้านออกมาสวยงามและทนทานมากขึ้น โดยการพิจารณาสีที่เหมาะสม จะมีตั้งแต่ประเภทของสี คุณสมบัติพิเศษ ไปจนถึงโทนสีที่เหมาะกับการใช้งาน ที่มีรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ พอสมควร

สีทาบ้านภายใน – ภายนอก ต่างกันอย่างไร

สีทาบ้านภายในและภายนอกมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของสูตรและส่วนผสมของสี คุณสมบัติ และการทนทานต่อสภาพแวดล้อมของสีนั้นๆ การเลือกใช้สีที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาสีซีดจาง หลุดลอก หรือเกิดเชื้อราในภายหลังได้ โดยสีแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติและการใช้งาน ดังนี้

  • สีทาภายใน: เป็นสีทาบ้านที่เน้นไปที่ความปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีกลิ่นฉุน ทำความสะอาดง่าย และมีสีสันที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการด้านตกแต่งภายใน 
  • สีทาภายนอก: เป็นสีทาบ้านเน้นไปที่ความทนทานต่อแสงแดด น้ำฝน ความชื้น และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

วิธีเลือกสีทาบ้านภายนอกให้ตรงใจ

การทาสีบ้านภายนอกต้องเลือกสีด้วยความรอบคอบมากกว่าการทาสีภายใน เนื่องจากสีภายนอกจะต้องรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ความชื้น และแสงแดด การเลือกสีทาบ้านภายนอกที่ดีควรคำนึงถึงหลายๆ ปัจจัยสำคัญ

โดยทาสีบ้านภายนอกควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติกันแสงแดด กันน้ำ และมีความทนทานสูง สำหรับใครที่ยังไม่มีไอเดียว่าจะทาสีบ้านภายนอกสีอะไรดี สีโทนสว่าง เช่น สีขาว ครีม เบจ นอกจากจะเป็นสียอดนิยมแล้ว โทนสีเหล่านี้ยังช่วยสะท้อนแสงแดดได้ดี ทำให้บ้านไม่ร้อนจัด

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกสีภายนอก

  • ทิศทางของบ้านและแสงแดดที่ตกกระทบ: เลือกสีที่มีคุณสมบัติในการทนต่อสภาพอากาศ ความร้อน และรังสี UV
  • สีของบ้านข้างเคียงและสภาพแวดล้อม: เลือกโทนสีที่เข้ากับสภาพแวดล้อมของบ้าน หรือถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของชุมชน
  • สไตล์สถาปัตยกรรมของบ้าน: เลือกโทนสีที่เข้ากับรูปแบบของบ้าน โทนมินิมอลอาจเหมาะกับโทนสีขาว สีครีม เป็นต้น
  • งบประมาณที่มีและปริมาณสีที่ใช้: ซื้อสีทาบ้านมาให้พอดีกับการใช้งานและงบที่มี

วิธีเลือกสีทาบ้านภายในให้เหมาะสม

การเลือกสีทาบ้านภายในมีความยืดหยุ่นมากกว่าการทาสีบ้านภายนอก เนื่องจากไม่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรงทั้งวัน แต่ก็ต้องคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานของแต่ละห้องด้วย

สำหรับห้องนั่งเล่น ควรเลือกสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง ห้องนอนควรใช้สีที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ส่วนห้องครัวและห้องน้ำควรเลือกสีที่ทำความสะอาดง่าย และมีคุณสมบัติในความทนทานต่อความชื้น

การเลือกสีภายในยังส่งผลต่อการรับรู้ขนาดของพื้นที่ สีโทนสว่างจะทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ส่วนสีเข้มจะทำให้ห้องดูอบอุ่น และอาจจะทำให้ห้องดูเล็กลงได้

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกสีภายใน

  • โทนสีที่เลือกใช้: นอกจากโทนสีสว่าง – เข้มแล้ว การทาสีบ้านยังมีโทนสีที่ควรพิจารณาอีก 3 โทน ได้แก่
    • สีโทนร้อน: โทนสีที่มีความจัดจ้าน สะดุดตา รุนแรง เป็นสีที่สื่อถือพลัง ความกระตือรือร้น ช่วยให้บ้านดูสว่าง มีชีวิตชีวา ตัวอย่างเช่น สีแดง สีส้ม สีเหลือง
    • สีโทนกลาง: หรือสีเอิร์ธโทน เป็นโทนสีที่ไม่อยู่ในโทนสีร้อน-เย็น และไม่อยู่ในวงล้อสี เช่น สีขาว ครีม ดำ เบจ น้ำตาล เทา ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย เข้าก็สไตล์โมเดิร์น มินิมอลเป็นอย่างดี
    • สีโทนเย็น: โทนสีที่มีความสงบ ร่มรื่น เย็นสบาย เป็นโทนสีที่ช่วยให้ห้องมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น สีฟ้า เขียว ม่วง น้ำเงิน
  • การจับคู่สี: การทาสีบ้านไม่จำเป็นต้องใช้สีเดียวทั้งหมดเสมอไป สามารถใช้หลักการคู่สีแบบ 60-30-10 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
    • สีหลัก 60%: เป็นโทนสีหลักของห้อง มักเป็นสีผนังและเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่
    • สีรอง 30%: เป็นสีโทนกลาง หรือโทนสีขั้วตรงข้าม นำมาตัดกับสีหลัก
    • สีไฮไลท์ 10%: เป็นสีที่เพิ่มความโดดเด่นเล็กๆ ให้กับห้อง มักเป็นสีของตกแต่ง
  • รูปแบบการตกแต่งบ้าน: เลือกโทนสีที่เข้ากับการตกแต่งและตัวเลือกเฟอร์นิเจอร์ของห้องนั้น
  • งบประมาณที่มีและปริมาณสีที่ใช้

อุปกรณ์ที่ใช้ทาสีบ้าน มีอะไรบ้าง

การเตรียมอุปกรณ์ที่ครบถ้วนจะช่วยให้การทาสีบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว โดยมีอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น ได้แก่

อุปกรณ์หลักของการทาสีบ้าน:

  • ลูกกลิ้งทาสี: มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 4 นิ้วใช้สำหรับพื้นที่แคบและการเก็บรายละเอียด ขนาด 7 นิ้วเหมาะสำหรับงานทาสีทั่วไป ส่วนขนาด 10 นิ้วใช้กับผนังขนาดใหญ่ เพื่อความรวดเร็วและผิวที่เรียบเนียน
  • แปรงทาสี: มีให้เลือกตั้งแต่แปรงขนาดเล็ก (1-2 นิ้ว) สำหรับทาขอบมุมและรายละเอียด ขนาดกลาง (3-4 นิ้ว) สำหรับใช้ทาพื้นที่ปานกลาง และขนาดใหญ่ (5 นิ้ว) สำหรับใช้ทาผนังเรียบ
  • ถาดกลิ้งสี: ใช้รองสีที่จะนำมาทาสีบ้าน ช่วยควบคุมปริมาณสีที่ติดลูกกลิ้ง ป้องกันการใช้สีที่เปลืองเกินไป
  • กระดาษทราย: ใช้ขัดผิวงานให้เรียบเนียนก่อนทาสี 
  • เกรียงขูดสี: ใช้ขูดสีเก่าที่หลุดลอกออก
  • เทปกาวสำหรับปิดขอบ: ป้องกันไม่ให้สีเลอะในบริเวณที่ไม่ต้องการ ควรเลือกแบบแกะออกง่ายไม่ทิ้งคราบกาว

อุปกรณ์ป้องกัน:

  • ผ้าใบรองพื้น: ป้องกันสีหยดลงบนพื้น ลดงานทำความสะอาด เลือกแบบหนาพอสมควรและไม่ลื่น
  • ถุงมือ: ป้องกันสีติดมือและสารเคมีที่อาจระคายเคืองต่อผิว เลือกแบบยางทั่วไปหรือยางไนไตรที่ใส่สบายมือตามที่ถนัด
  • แว่นตาป้องกัน: ป้องกันสีหรือเศษฝุ่นเข้าตา โดยเฉพาะเมื่อทาสีเพดานหรือขูดสีเก่า
  • หน้ากากกันฝุ่น: ป้องกันการสูดดมฝุ่นและไอสี ควรเลือกแบบที่กรองอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กได้ดี

วัสดุสำคัญที่ควรมี:

  • สีรองพื้น: ช่วยให้สีหลักยึดเกาะดีขึ้น ป้องกันปัญหาความชื้นและเชื้อรา มีทั้งแบบน้ำมันและน้ำ
  • สีทาจริงตามต้องการ: เลือกตามประเภทผิวและการใช้งาน โดยคำนวณปริมาณให้เหมาะสมกับพื้นที่
  • ทินเนอร์หรือน้ำสำหรับล้างอุปกรณ์: ทินเนอร์สำหรับใช้กับสีน้ำมัน น้ำธรรมดาใช้กับสีน้ำ ช่วยยืดอายุอุปกรณ์

ทาสีบ้านภายใน – ภายนอก ควรใช้นั่งร้านแบบไหนดี

การใช้นั่งร้านในงานทาสีบ้าน โดยเฉพาะการทาสีบ้านที่มีความสูงตั้งแต่สองชั้นขึ้นไป เพราะนอกจากจะช่วยให้ช่างทาสีสามารถเข้าถึงความสูงที่ต้องการแล้ว การใช้นั่งร้านที่แข็งแรง มั่นคง อย่างนั่งร้าน BS Standard จะช่วยให้ช่างสามารถเดินทางเคลื่อนย้ายไปจุดต่างๆ ได้สะดวก และเสริมประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น

รูปแบบการตั้งนั่งร้าน

รูปแบบการตั้งนั่งร้านสำหรับงานทาสีบ้านมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและความสูงของพื้นที่ทำงาน สำหรับงานทาสีบ้านทั่วไป จะใช้นั่งร้านแบบเคลื่อนที่ได้หรือนั่งร้านแบบโครงสร้างถาวรชั่วคราวก็ได้

ความสูงของนั่งร้าน

ในการเลือกว่านั่งร้านสูงกี่เมตรจึงจะเหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับความสูงของบ้านที่ทาสี สำหรับบ้านชั้นเดียว อาจใช้นั่งร้านสูง 2-3 เมตร ส่วนบ้านสองชั้นอาจต้องใช้นั่งร้าน 2 ชั้นหรือนั่งร้าน 3 ชั้นตามความจำเป็น

มาตรฐานความปลอดภัย

การใช้นั่งร้านที่มีคุณภาพ อย่างเช่นนั่งร้าน BS Standard ถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน นั่งร้านมาตรฐาน BS 1139 มีทั้งความแข็งแรงและผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากล พร้อมรองรับการใช้งานและรูปแบบนั่งร้านที่หลากหลาย ทำให้นั่งร้าน BS Standard ตอบโจทย์ทั้งการทาสีบ้าน ก่อสร้าง ต่อเติม และซ่อมบำรุง

โดยในปัจจุบัน สามารถหาเช่านั่งร้าน BS หรือนั่งร้าน BS Standard มือสองที่ยังมีคุณภาพดีเพื่อลดต้นทุน พร้อมด้วยบริการรับติดตั้งนั่งร้าน BS โดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการใช้งานนั่งร้านมั่นคงแข็งแรง และได้มาตรฐานทั้งด้านวัสดุและการประกอบ

ขั้นตอนการทาสีบ้านที่ถูกต้อง

สำหรับขั้นตอนการทาสีบ้านจะแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

1. เตรียมพื้นผิวให้พร้อม

การเตรียมพื้นผิวที่จะทาสีเป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดของการทาสีบ้าน โดยผู้ทาสีจะต้องทำความสะอาดคราบสกปรก ขัดสีเก่าที่หลุดลอกสำหรับวิธีทาสีบ้านทับสีเก่า และซ่อมแซมรอยแตกร้าวต่างๆ ให้เรียบร้อย หากมีเชื้อราหรือตะไคร่น้ำ ควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อก่อน แล้วทิ้งไว้ให้แห้งสนิท 24 ชั่วโมง ก่อนเริ่มขั้นตอนต่อไป

2. ติดเทปกาวป้องกัน

ติดเทปกาวบริเวณที่ไม่ต้องการให้สีเลอะ เช่น ขอบประตู หน้าต่าง ปลั๊กไฟ จะช่วยให้งานทาสีเป็นไปอย่างราบรื่น ควบคุมบริเวณที่ต้องการทาสีได้ และสะดวกในการทำความสะอาดภายหลัง

3. ทาสีรองพื้น

การทาสีรองพื้นเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสีรองพื้นจะช่วยให้สีทาบ้านหลักยึดเกาะได้ดี ป้องกันปัญหาความชื้น เชื้อราภายใน และทำให้สีมีความสดใสยาวนานยิ่งขึ้น

4. ทาสีหลักตามต้องการ

เมื่อสีรองพื้นแห้งสนิทแล้ว จึงเริ่มทาสีหลัก โดยควรทาสีซ้ำอย่างน้อย 2-3 ครั้ง และควรรอให้สีแต่ละชั้นแห้งสนิทก่อนทาชั้นถัดไป เพื่อให้สีมีความสดใสและทนทานมากขึ้น

5. ตรวจสอบและเก็บรายละเอียด

หลังจากทาสีเสร็จแล้ว ให้ลอกเทปกาวออกในขณะที่สียังไม่แห้งสนิท แล้วใช้แปรงเล็กเก็บรายละเอียดตามขอบและมุมต่างๆ ให้เรียบร้อย และตรวจเช็กงานในขั้นตอนสุดท้าย

เคล็ดลับการดูแลหลังทาสีบ้าน

หลังจากทาสีบ้านเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะต้องมีการดูแลรักษาเป็นประจำ เพื่อให้สีที่ทาติดทนกับบ้านและอาคารของเราไปอีกนาน โดยมีวิธีการดูแลหลังทาสีบ้าน ดังนี้

ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

การทำความสะอาดพื้นผิวที่ทาสีอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ควรเช็ดฝุ่นและคราบสกปรกอย่างอ่อนโยน ไม่ใช้น้ำยาเคมีที่แรงจนเกินไปจนสีหลุดลอก

หลีกเลี่ยงความชื้น

การป้องกันไม่ให้ความชื้นและน้ำซึมเข้าไปในพื้นผิวที่ทาสี จะช่วยป้องกันปัญหาสีบวม สีซีดจาง และการเกิดเชื้อราภายในพื้นผิว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ และภายนอกบ้าน โดยเลือกใช้สีที่มีคุณสมบัติป้องกันความชื้น ไม่ดูดซึมน้ำ เพื่อไม่ให้มีความชื้นตกค้างบนพื้นผิวได้

ป้องกันแสงแดดโดยตรง

สำหรับผนังภายนอกบ้านที่โดนแสงแดดโดยตรง ควรมีการป้องกันด้วยการใช้กันสาดหรือต้นไม้ช่วยบังแสงแดดตกกระทบบ้าน รวมถึงการทาสีบ้านภายนอกที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV เพื่อลดการเสื่อมสภาพของสีจากรังสี UV ในแสงแดด

การทาสีบ้านด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากมีความรู้และเตรียมตัวอย่างถูกต้อง ตั้งแต่การเลือกสีที่เหมาะสม การเตรียมอุปกรณ์ การใช้นั่งร้านอย่างปลอดภัย ไปจนถึงการทาสีตามขั้นตอนที่ถูกต้อง การทาสีบ้านก็สามารถเป็นขั้นตอนง่ายๆ ในทันที
การลงทุนในคุณภาพของสีและอุปกรณ์ รวมถึงการใช้นั่งร้านที่มีมาตรฐานจะช่วยให้งานทาสีมีคุณภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าในระยะยาว หากกำลังมองหานั่งร้านที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย ขอแนะนำนั่งร้าน BS Standard มือสองและมือหนึ่งจาก SC SCAFFOLDING&EQUIPMENT

SC SCAFFOLDING&EQUIPMENT ท่อและอุปกรณ์นั่งร้าน BS STANDARD ครบจบในที่นี่ที่เดียว

บริษัท เอสซี สแคฟโฟลดิ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายท่อและอุปกรณ์นั่งร้าน BS STANDARD ทั้งมือ 1 และเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์นั่งร้านมือ 2 รายใหญ่ในประเทศไทย การันตีคุณภาพทุกชิ้น พร้อมใบเซอร์จากโรงงาน นอกจากนี้ยังมีบริการให้เช่านั่งร้าน BS และรับซื้อคืนนั่งร้าน BS พร้อมกับ รับติดตั้งนั่งร้าน BS และออกแบบ โดยมีทีมงานมืออาชีพพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด

ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่

โทร: 0854467877, 021257199 

Line: @thitimark

อีเมล: sc.scaffolding29@gmail.com

เปิดทำการทุกวัน 7:00-17:00 น.

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top